Emunoth ve-Deoth

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ข้ามไปที่การนำทาง ข้ามไปที่การค้นหา

หนังสือของความเชื่อและความเห็น (อาหรับ : كتابالأماناتوالاعتقادات , romanizedKitābอัลวา Amanat L-I'tiqādāt ) เป็นหนังสือที่เขียนโดยเดียดกอน (เสร็จสมบูรณ์ 933) [1]ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบนำเสนอและเป็นรากฐานของปรัชญาความประพฤติของยูดาย

ต้นฉบับงานนี้เป็นภาษายูดีโอ-อารบิกในจดหมายภาษาฮีบรูพร้อมข้อความอ้างอิงจากโตราห์ ครั้งแรกแปลภาษาฮิบรูได้ทำใน 1186 โดยยูดาห์เบนซาอูลอิบัน Tibbonบรรดาศักดิ์Emunot VE-Deot ( ภาษาฮิบรู : 'אמונותודעות' ความเชื่อและความเห็น ) การแปลโดยย่อเป็นภาษาอังกฤษโดย Samuel Rosenblatt ตีพิมพ์ในปี 1948

งานนี้นำหน้าด้วยการแนะนำและมีสิบบท แล้วเสร็จในปี 933

สถานที่และการแนะนำ

งานนี้ส่วนใหญ่เขียนขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันของRabbinic Judaismต่อมุมมองของKaraite Judaismซึ่งปฏิเสธกฎหมายปากเปล่า ( MishnahและTalmud )

ในบทนำโดยละเอียดของเขา Saadia พูดถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเขียนเรื่องนี้ หัวใจของเขาเศร้าโศกเมื่อเขาเห็นความสับสนเกี่ยวกับศาสนาที่แพร่หลายในหมู่คนรุ่นเดียวกันของเขา พบความเชื่อที่ไม่ฉลาดและมุมมองที่ไม่ฉลาดในหมู่ผู้ที่ยอมรับศาสนายิว ในขณะที่ผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาก็เย้ยหยันความผิดพลาดของพวกเขาอย่างมีชัย มนุษย์จมอยู่ใต้ทะเลแห่งความสงสัยและถูกคลื่นแห่งความหลงผิดทางวิญญาณท่วมท้น และไม่มีใครช่วยพวกเขาได้ ดังนั้นซาเดียจึงรู้สึกว่าตนเองได้รับเรียกและมีหน้าที่ต้องกอบกู้พวกเขาให้พ้นจากภยันตรายด้วยการเสริมสร้างความศรัทธาในความเชื่อของพวกเขาและขจัดความกลัวของบรรดาผู้ที่สงสัย

หลังจากการนำเสนอทั่วไปเกี่ยวกับสาเหตุของความไม่แน่นอนและความสงสัย และแก่นแท้ของความเชื่อแล้ว Saadia อธิบายถึงแหล่งความรู้ตามธรรมชาติสามแหล่ง ได้แก่ การรับรู้ของความรู้สึก แสงแห่งเหตุผล และความจำเป็นเชิงตรรกะ เช่นเดียวกับแหล่งที่สี่ ของความรู้ที่ครอบครองโดยผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้า "การเปิดเผยที่แท้จริง" ที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ เขาแสดงให้เห็นว่าความเชื่อในคำสอนแห่งการเปิดเผยไม่ได้กีดกันการค้นหาความรู้โดยอิสระ แต่การคาดเดาในหัวข้อศาสนาค่อนข้างพยายามที่จะพิสูจน์ความจริงของคำสอนที่ได้รับจากศาสดาพยากรณ์และหักล้างการโจมตีหลักคำสอนที่เปิดเผยซึ่งต้องยกขึ้น โดยการสำรวจเชิงปรัชญาสู่ระนาบแห่งความรู้ที่แท้จริง

เนื้อหา

ในสองส่วนแรก Saadia กล่าวถึงปัญหาเชิงอภิปรัชญาของการสร้างโลก (i.) และความสามัคคีของผู้สร้าง (ii.); ในส่วนต่อไปนี้เขากล่าวถึงการเปิดเผย (iii.) และหลักคำสอนของความเชื่อตามความยุติธรรมของพระเจ้า รวมถึงการเชื่อฟังและการไม่เชื่อฟัง (iv.) ตลอดจนข้อดีและข้อเสีย (v.) ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับส่วนเหล่านี้คือส่วนที่ปฏิบัติต่อจิตวิญญาณและความตาย (vi.) และการฟื้นคืนชีพของคนตาย (vii.) ซึ่งตามที่ผู้เขียนระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีการไถ่ของ Messianic (viii) .) งานนี้สรุปด้วยหัวข้อเกี่ยวกับรางวัลและการลงโทษของชีวิตในอนาคต (ix.) หมวดที่สิบ ในโหมดที่ดีที่สุดของชีวิตสำหรับมนุษยชาติในโลกนี้ จะต้องถือเป็นภาคผนวกเนื่องจากการตักเตือนถึงความประพฤติทางศีลธรรมเสริมการกระตุ้นให้เกิดความคิดที่ถูกต้องและความเชื่อที่ถูกต้องที่มีอยู่ในเนื้อหาหลักของหนังสือ

จุดที่สำคัญที่สุดในแต่ละส่วนมีดังนี้:

ผม การสร้างโลก

สำหรับหลักคำสอนของการสร้างโลก Saadia เสนอข้อพิสูจน์สี่ประการ สามสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของปรัชญาอริสโตเติลซึ่งอาจสืบหาได้จากที่อื่นในงานเขียนของผู้เขียนคนนี้ หลังจากการสาธิตอย่างมีเหตุมีผลของเขาได้นำเขาไปสู่ข้อสรุปว่าโลกถูกสร้างขึ้นจากนิฮิโล เขาได้ดำเนินการระบุและลบล้างทฤษฎีทั้งสิบสองของต้นกำเนิดของโลก ส่วนนี้ของส่วนแรกให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับความรู้ของนักปรัชญากรีกของซาเดีย ซึ่งเขาอาจมาจากการอ่านอริสโตเติล ในตอนท้ายของส่วน Saadia หักล้างการคัดค้านบางประการต่อหลักคำสอนของการสร้างของชาวยิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาจากแนวคิดของเวลาและพื้นที่ .

ii ความสามัคคีของผู้สร้าง

ทฤษฎีของพระเจ้านำหน้าด้วยการพัฒนาทัศนะที่ว่าความรู้ของมนุษย์เกิดขึ้นจากระดับความรู้สึกสัมผัสเพียงเล็กน้อยไปจนถึงแนวคิดที่ละเอียดอ่อนที่สุด เพื่อให้ความคิดของพระเจ้า ซึ่งอยู่เหนือความรู้อื่น ๆ ทั้งหมดในความละเอียดอ่อน เป็นตัวพิสูจน์ความจริงของมัน แนวความคิดของพระเจ้าในฐานะผู้สร้างจำเป็นต้องบอกเป็นนัยถึงคุณลักษณะของชีวิต อำนาจ และความรู้ ในทำนองเดียวกัน แนวความคิดเรื่องพระผู้สร้างก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพระเจ้า สำหรับมุมมองนี้ Saadia มีหลักฐานทางตรงสามข้อและข้อพิสูจน์ทางอ้อมสามข้อ ซึ่งข้อหลังประกอบด้วยการแสดงให้เห็นว่าลัทธิคู่เป็นเรื่องไร้สาระ ดูเทววิทยาที่ไร้เหตุผล และความเรียบง่ายอันศักดิ์สิทธิ์

วิทยานิพนธ์เรื่องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างสมบูรณ์ของพระเจ้าได้รับการพิสูจน์โดยการหักล้างหลักคำสอนของศาสนาคริสต์เรื่องตรีเอกานุภาพซึ่งเกิดขึ้นในความเห็นของซาเดีย จากการตีความผิดเกี่ยวกับคุณลักษณะสามประการของพระเจ้าที่มีชื่ออยู่แล้ว: ชีวิต อำนาจ และความรู้ เชื่อมโยงกับการหักล้างหลักคำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพเป็นโครงร่างของทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับบุคคลของพระเยซูที่เผยให้เห็นความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับความขัดแย้งของคริสเตียน ดูหลักการของชาวยิวเชื่อพระเจ้าสามัคคี

เพื่อทำให้ความเข้าใจในแนวความคิดแบบเทวนิยมของพระเจ้าเป็นไปได้ในความบริสุทธิ์ทั้งหมด และเพื่อปลดปล่อยข้อความของพระคัมภีร์จากความขัดแย้งที่ชัดเจนของจิตวิญญาณของแนวคิดที่สมบูรณ์ของพระเจ้า Saadia ตีความความยากลำบากทั้งหมดของพระคัมภีร์ที่แบกรับสิ่งนี้ ปัญหา โดยใช้โครงร่างของสิบประเภทอริสโตเติล ซึ่งเขาแสดงให้เห็น ว่าไม่สามารถประยุกต์ใช้กับพระเจ้าได้ ในตอนท้ายของส่วนนี้ ผู้เขียนวาดภาพด้วยความรู้สึกทางศาสนาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่จิตวิญญาณมนุษย์ค้ำจุนไว้เมื่อซึมซาบด้วยความรู้ที่แท้จริงของพระเจ้า

iii วิวรณ์และพระบัญญัติ

mitzvot "บัญญัติของพระเจ้า" เปิดเผยในโตราห์ได้รับการกำหนดให้เป็นมนุษย์โดยพระคุณของพระเจ้าเป็นวิธีที่จะบรรลุความสุขสูงสุด ตามการจำแนกประเภทที่ยืมโดย Saadia จาก Muʿtazila แต่ตามทัศนะของชาวยิวเป็นหลัก พระบัญญัติแบ่งออกเป็นประเภทตามเหตุผลและการเปิดเผย แม้ว่าข้อหลังอาจอธิบายได้อย่างมีเหตุมีผล ดังที่แสดงในตัวอย่างมากมาย Excursus ซึ่ง Saadia โจมตีมุมมองของนิกายฮินดูของ "Barahima" ( พราหมณ์) เพื่อให้มนุษย์ไม่ต้องการผู้เผยพระวจนะ แนะนำเรื่องราวของเขาเกี่ยวกับคำทำนายและคำขอโทษของเขาต่อบรรดาผู้เผยพระวจนะ ตามมาด้วยวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเนื้อหาที่สำคัญของพระคัมภีร์และความน่าเชื่อถือของประเพณีในพระคัมภีร์ โดยการหักล้างรายละเอียดของทัศนะของคริสเตียนและอิสลามว่ากฎหมายที่เปิดเผยในอิสราเอลได้ถูกยกเลิกไปแล้ว และด้วยการโต้เถียงกับชุดของฮิวีอัล- การคัดค้านของBalkhiต่ออำนาจของพระคัมภีร์

iv เจตจำนงเสรี: การเชื่อฟังและการไม่เชื่อฟัง

รากฐานของส่วนนี้คือทฤษฎีเกี่ยวกับเสรีภาพแห่งเจตจำนงและการปรองดองกับอำนาจทุกอย่างและสัจธรรมของพระเจ้า ในส่วนเปิดของ Saadia ได้ตั้งสมมติฐานหลักคำสอนของมนุษย์ที่ถือว่ามนุษย์เป็นเป้าหมายของการสร้างทั้งหมด และในตอนท้ายเขาอธิบายภายใต้แปดหัวเรื่องข้อความเหล่านั้นในพระคัมภีร์ที่อาจก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับเสรีภาพของการกระทำของมนุษย์ ดูจะเป็นอิสระในความคิดของชาวยิว

v บุญและอกุศล

ผู้ชายแบ่งออกเป็นสิบประเภทโดยคำนึงถึงคุณธรรมและโทษ รวมถึงลักษณะทางศาสนาและศีลธรรมของพวกเขา ในคำอธิบายของเขาเกี่ยวกับสองคนแรกที่เคร่งศาสนาและคนดื้อรั้น Saadia อุทิศตัวเองในปัญหาหลักของความทุกข์ทรมานของผู้เคร่งศาสนาและความโชคดีของคนดื้อรั้นในขณะที่คำอธิบายของชนชั้นสุดท้ายที่สำนึกผิด นำเขาไปสู่การพิจารณารายละเอียดตามพระคัมภีร์ของการกลับใจ , คำอธิษฐานและหลักฐานอื่น ๆ ของความกตัญญูของมนุษย์

vi วิญญาณและความตาย

มุมมองของเขาเกี่ยวกับจิตวิญญาณนำหน้าด้วยการสำรวจทฤษฎีอื่นๆ อีกหกทฤษฎี รายการเป็นคู่ขนานของผู้ให้อยู่แล้วโดยอริสโตเติลและPseudo-ตาร์ค (2)พระองค์ตรัสถึงความสัมพันธ์ของวิญญาณกับร่างกาย พื้นฐานของการรวมตัว ความร่วมมือในกิจกรรมของมนุษย์ การอยู่ร่วมกันหรือระยะเวลาชีวิตที่กำหนดไว้ การพลัดพรากหรือความตาย และสถานะของวิญญาณหลังความตาย ส่วนสรุปด้วยการพิสูจน์ของหลักคำสอนของที่วิญญาณ

vii การฟื้นคืนชีพของคนตาย

ที่นี่ Saadia หักล้างการคัดค้านที่ทำขึ้นโดยอาศัยธรรมชาติ เหตุผล และพระคัมภีร์ ต่อหลักคำสอนเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ของคนตาย และนำเสนอข้อพิสูจน์ที่มีอยู่ในประเพณี จากนั้นเขาก็อภิปรายสิบคำถามที่เกี่ยวกับหลักคำสอนนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า "การให้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในความคิดเห็นที่ได้รับความนิยมซึ่งได้รับชัยชนะ และแม้ชายผู้นี้เช่น Saadia จะมองข้ามไปก็ตาม" (Guttmann) แม้จะมีความเป็นเอกเทศก็ตาม

viii การไถ่ถอนพระเมสสิยาห์

คำสอนเกี่ยวกับการไถ่ของพระเมสสิยาห์มีพื้นฐานมาจากข้อความในพระคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์ลมุดเกือบทั้งหมดซึ่งเป็นปีแห่งความรอดที่แน่นอนซึ่งได้รับการแก้ไขโดยการตีความข้อความที่เป็นที่รู้จักในพระธรรมดาเนียล ในตอนท้าย ผู้เขียนหักล้างผู้ที่คิดว่าคำทำนายของพระเมสสิยาห์หมายถึงเวลาของวิหารที่สอง และเขายังโต้แย้งกับหลักคำสอนของคริสเตียนเรื่องพระเมสสิยาห์ด้วย

ix โลกที่จะมาถึง

Saadia แสดงให้เห็นว่าค่าตอบแทนของโลกที่จะมาถึงได้รับการพิสูจน์โดยเหตุผลพระคัมภีร์และประเพณีและตอบคำถามต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

x ความประพฤติ ความคิด และความเชื่อ

ระบบจริยธรรมที่มีอยู่ในภาคผนวกส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากคำอธิบายและวิพากษ์วิจารณ์วัตถุแห่งชีวิตที่แตกต่างกันสิบสามประการ ซึ่ง Saadia ได้เพิ่มคำแนะนำของเขาเองสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผลและศีลธรรม เขาเสริมด้วยว่าในกรณีของประสาทสัมผัสทั้งห้า เฉพาะการประสานกันของความประทับใจทางประสาทสัมผัสเท่านั้นที่เป็นประโยชน์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความจำเป็นในการผสมผสานคุณสมบัติและแรงกระตุ้นของจิตวิญญาณมนุษย์ที่กลมกลืนกันอย่างกลมกลืนนั้นมีความสำคัญมากเพียงใด เขาสรุปด้วยคำแถลงว่าเขาตั้งใจให้หนังสือของเขาเพียงเพื่อชำระและทำให้จิตใจของผู้อ่านของเขาบริสุทธิ์

การแปล

อิบนุ ทิบบอน

แม้ว่างานนี้จะเป็นภาษาอารบิก แต่เดิมก็แปลโดยรับบีและแพทย์Judah ben Saul ibn Tibbonผู้ซึ่งแปลKuzariของJudah Haleviด้วย รุ่นนี้พิมพ์ครั้งแรกในกรุงคอนสแตนติโนเปิลในปี ค.ศ. 1562 และตีพิมพ์ซ้ำบ่อยครั้ง ในขณะที่ต้นฉบับได้รับการแก้ไขด้วยตัวอักษรภาษาอาหรับโดยซามูเอลลันเดาเออร์ ( ไลเดนค.ศ. 1880) [3]และอีกฉบับ (ที่เหนือกว่า) ฉบับภาษายูดีโอ-อารบิกที่จัดทำโดยโยเซฟ กอฟีห์ในปี 2513

อื่นๆ

  • ซาเดีย, กาออน (1948). หนังสือความเชื่อและความคิดเห็น . สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเยล. ISBN 9780300008654.

การแปลอีกฉบับ หรือค่อนข้างเป็นการถอดความของKitab al-Amānāt wa l-Iʿtiqādātของการประพันธ์ที่ไม่แน่นอน มีอยู่ในต้นฉบับหลายฉบับ (ที่สำคัญที่สุดคือ MS. Vatican 266); ส่วนใหญ่ของการแสดงผลนี้ได้รับการแก้ไขโดย Gollancz ( ha-Nakdan, Berechiah (1902) บทความด้านจริยธรรมของ Berachya บุตรชายของรับบี Natronai Ha-Nakdan: เป็นบทสรุปและ Marṣref David Nutt; คอมพ์ "Monatsschrift" xlvi 536) เป็นวิธีการหลักที่ปรัชญาของซาเดียเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวยิวที่ไม่ใช้ภาษาอาหรับในช่วงศตวรรษที่สิบสองและสิบสาม การถอดความเป็นเอกสารสำคัญและมีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการของเทววิทยาของฮาไซด์ อัชเคนาซในยุคกลางตอนต้น(เพื่อไม่ให้สับสนกับลัทธิฮาซิดิกยิวแห่งศตวรรษที่ 18) การโต้เถียงของไมโมนิดีและคับบาลาห์ตอนต้น ภาษาของมันคือบทกวีสูง ส่วนที่เจ็ดในการฟื้นคืนพระชนม์มีอยู่ในสองเวอร์ชัน โดยครั้งแรกซึ่งเป็นพื้นฐานของการแปล Ibn Tibbon ได้รับการแก้ไขโดย Bacher ใน "Steinschneider Festschrift" หน้า 98–112 และส่วนที่สองโดย รถม้าสำนวนนี้มีชื่อว่าPitron Sefer ha-Emunot ve-Ḥerṣav ha-Binotจะได้รับการตีพิมพ์อย่างครบถ้วนโดยสถาบันวิทยาศาสตร์และมนุษยศาสตร์แห่งอิสราเอล

ลิงค์และข้อมูลอ้างอิงภายนอก

  1. ^ ซา เดีย กาออน (2011). หนังสือความเชื่อและความคิดเห็น (Sefer ha-Nivḥar ba-emunot uva-deʻot) (ในภาษาฮีบรู) แปลโดย Yosef Qafih Kiryat Ono: Mekhkon Mishnat ha-Rambam. NS. 6 (บทนำ). สม . 989874916 . 
  2. ^ ส ตรูมซา 2003 .
  3. ^ ห้องสมุดต่างๆ ของหนังสือดังกล่าวสามารถหาอ่านได้ฟรีจาก Google Books: UC Berkeley Library's ; หอสมุดวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ; Bibliotheek Universiteit van Amsterdam's ; ยูนิเวอร์ซิตี้ ไลเดน ; Universiteitsbibliotheek Leiden

บรรณานุกรม

  • Saadia B. Josephสาธารณสมบัติ 1906 สารานุกรมยิว
  • Stroumsa, Sarah (2003), "Saadya และ Jewish kalam" ใน Frank, Daniel H.; Leaman, Oliver (eds.), The Cambridge Companion to Medieval Jewish Philosophy , Cambridge: Cambridge University Press, หน้า 71–90, ISBN 978-0-521-65207-0

ทรัพยากร

0.050459861755371